ทุกวันนี้สมาร์ทโฟนมีให้เราเลือกซื้อหลายรุ่นหลายยี่ห้อมากมาย หากต้องการซื้อมาใช้สักเครื่องเราจะเลือกซื้อที่อะไร ยี่ห้อ รูปทรง ความสามารถ
แต่จะมีกี่คนที่จะพิจารณาจาก Mobiles OS
Mobiles OS คืออะไร มันก็คือระบบปฏิบัติการบนมือถือ เปรียบเสมือน WINDOWS XP , WINDOWS7 หรือ LINUX บน PC นี่เอง ซึ่ง Mobiles OS
ที่นิยมอยู่ในตลาด ณ ตอนนี้เห็นจะมี Android, IOS, Symbian โดยที่ Android มีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงที่สุดครับ
แล้วทำไม ยังไง?! Android ถูกพัฒนาโดย Google ซึ่งปัจจุบันเป็น Android 5.0 Lollipop (ซึ่งเวลาที่เขียนบทความนี้ ยังคงมีโทรศัพท์ตระกูล Nexus ที่สามารถอัพเดรทได้แล้ว)
Google เป็นผู้พัฒนา Android รุ่นใหม่ๆออกมาอยู่ตลอด ซึ่งทำให้ผู้ผลิตโทรศัพท์ที่นำเอา Android ไปใช้นั้นต้องทำการ อัพเดรทเวอร์ชั่น ให้ลูกค้าของตนด้วย แต่คงจะอัพเดรทให้กับ
โทรศัพท์ทุกรุ่นคงไม่ได้ครับ โดยบริษัทฯจะให้เหตุผลสำหรับเครื่องที่ไม่ได้รับการ อัพเดรท ว่า สเปคไม่ถึง อัพเดรทไปเครื่องก็ช้าบ้าง hardware ไม่ซัพพอร์ตบ้าง
แล้วยังไง...... เมื่อ Android หรือระบบปฏิบัติถูก update เวอร์ชั่นใหม่ๆออกมา เพื่อแก้ไขจุดบกพร่องหรือพัฒนาความสามารถของสมาร์ทโฟนเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ที่จะเลี่ยงไม่ได้ก็คือผู้พัฒนา APP ต่างๆ ก็จะปรับปรุง APP ของตนเองให้รองรับกับระบบ ปฏิบัติการใหม่ๆ โดยอิงตามระบบปฏิบัติการเป็นหลัก แล้วสมาร์ทโฟนเก่าๆอย่างเราที่ไม่ได้รับการ Update
ก็จะทยอยตายไปเลื่อยๆ ยกตัวอย่างง่ายๆตอนนี้ ใครยังใช้ WINDOWS XP บนเครื่อง PC อยู่บ้าง เอ้ายกมือขึ้น (บางคนถาม Windows XP มันคืออะไรครับไม่รู้จัก)! ครับ INTERNET EXPLORER
Update ได้ถึงเวอร์ชั่น 8 ซึ่งปัจจุบันถึงเวอร์ชั่น10 จะ up ไป9 ระบบก็เตือนว่าไม่ support การติดตั้งบน WINDOWS XP แล้ว ครั้นจะเข้าใช้งานเช็คเมลล์จาก Outlook.com มันก็เตือนว่า Browser เก่าเกินไป
สรุปก็ต้องดิ้นรน หา Browser ค่ายอื่นที่พอจะ support ได้ใช้ไป และอีกไม่นาน app หลายๆตัวก็จะไม่สามารถทำงานบน xp ได้อีกต่อไป
กลับมาว่าเรื่อง Android เมื่อ APP ถูกพัฒนาให้รับบน OS เวอร์ชั่นใหม่ เมื่อนำมารันบน OS เก่า (เก่ากว่าประมาณ 2 เวอร์ชั้นลงไป) มันก็จะเริ่มช้าหน่วง หรือบางครั้งเคยเจอว่า OS ของท่านเก่าเกินไป
อ้าวแล้วมันเลือกได้ไหมเนี่ย
ขณะนี้เราคงได้แต่เลือกค่ายผู้ผลิตมือถือที่น่าเชื่อถือมีสถิติการ update OS เวอร์ชั่นใหม่ ให้ลูกค้าอยู่เลื่อยๆ เท่านั้นครับ
JEEPY-TALKY นายจี๊ปอยากเล่า
วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2558
วันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2557
วิธีแก้ gameguard error 114
สืบเนื่องจากหลานที่บ้าน บอกว่าเกมส์ XSHOT เข้าไม่ได้อาจี๊ปช่วยดูให้หน่อย ได้เรามันก็ไม่ใช่คนเล่นเกมส์สะด้วยแต่ก็เอาเถอะหลานมันขอก็ลองดูสักหน่อย
จากที่ลองคลิ๊กที่ไอคอน XSHOT แล้ว ก็จะหน้าต่างของเกมส์ จะ Update เวอร์ชั่นเก่าใหม่ก็ว่ากันไป จากนั้น คลิ๊ก เริ่มเกมส์ รอสักพัก GameGuard ก็โหลดขึ้นมา และแล้วก็ถึงบางอ้อว่าทำไมถึงเข้าไม่ได้ มัน Error ตัวนี้นี่เอง GameGuard Error 114
มาถึง ณ จุดนี้ก็ไม่มีไรมาก แค่ Anti Virus เป็นพิษ ( Anti Virus เป็นพิษ อาจี๊ปตั้งชื่ออาการมันเอง anti Virus ทุกตัวใหม่ๆ จะเป็นมิตรกับทุกโปรแกรม พอโปรแกรม update ไฟล์ ใหม่ๆ หรือ Anti virus update ฐานข้อมูลไวรัสตัวใหม่ๆก็จะเป็นแบบนี้ นั้นเหละ เหมือนคนนั้นเหละ ที่เค้าเรียกว่า ภูมิคุ้มกันบกพร่อง)
ก็ไม่มีไรมาก นะ
1. ไปที่ ไดว์ C:\Program Files\Kingsoft\XSHOT\System\
2. หาโฟลเดอร์ที่ชื่อ GameGuard จัดการลบทิ้งทั้งโฟลเดอร์
3. จัดการกับ antivirus ทุกตัวที่มีในเครื่อง (ของอาจี๊ปมี AVIRA กับ Baidu Antivirus) โดยไปที่ Control Panel และเลือก Uninstall a Program เลือก Antivirus ที่จะลบ ทำการลบออกให้หมด
4. Uninstall หมดแล้วจากนั้น Restart เครื่องสะใหม่
5. เมื่อ Restart เสร็จแล้ว ทีนี้ก็คลิ๊กที่ Icon XSHOT แล้วก็คลื๊กเริ่มเกมส์ จะเห็นว่า GameGuard จะทำการโหลดไฟล์ขี้นมาใหม่ 1/10 รอจนมันเสร็จก็จะเข้าได้ตามปกติ
6. เมื่อเข้าเกมส์ได้ตามปกติแล้วอย่าลืมติดตั้ง Antivirus ด้วยนะ จะเป็นตัวเดิมหรือตัวใหม่ก็ได้
เข้าใจตรงกันนะ บายๆๆ
วันพุธที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2557
ว่าด้วยเรื่อง NETWORK
23-09-2013 อาจี๊ป อาจี๊ป โปรแกรมใช้ไม่ได้... เสียงเพื่อนพนักงานร้องเรียกไก่ เฮ่ยไม่ใช่ เรียกหาอาจี๊ป (อาจี๊ปชื่อเรียกตัวผู้เขียนในออฟฟิศ)วันนี้เป็นเช้าวันจันทร์ที่ดูจะวุ่นวายมาก โปรแกรมบัญชีเจ้ากรรม ที่ทั้งพนักงานขายไว้ใช้เปิดใบเสนอราคา แผนกคอมฯไว้ใช้เปิดบิลซื้อ-ขาย แผนกบัญชีไว้ใช้เรียกรายงานภาษี ที่ต่างคนต่างเรียกใช้งานผ่านคอมพิวเตอร์ประจำตัว บางคนใช้งานได้ บางคนใช้งานได้สักพักโปรแกรมค้าง จากนั้นทุกเครื่องพร้อมใจค้างกันหมด (สงสัยขี้เกียจ-กลับบ้าน ฮาเปล่า!)ทั้งรีสตารท์เครื่องลูก เครื่อง SERVER แล้วก็ยังเอาไม่อยู่ (ทั้งที่ในใจคิดว่า เอาอยู่) ใจไม่ดีแล้วทีนี้ทำไงดี นั่งนึกสักพัก เหตุการณ์นี้เคยเจอมาก่อน "ขอย้อนเวลากลับไปหาอดีตนิดนึง ช่วงที่กำลังเป็นพนักงานใหม่แกะกล่อง ได้สัก 6 เดือน โปรแกรมบัญชีอีกนั้นเหละ แต่คนละตัวกัน ก่อนหน้าใช้งานได้ตามปกติมาตลอด
วันหนึ่ง! ได้เกิดเหตุการณ์อันแสนปวดหัวขึ้นเมื่ออยู่ๆ เครือข่ายล่มกันทั้งออฟฟิศ เอาละสิ เจ้านายคิดจะรับน้องหรือไร อาจี๊ปต้องเกะหาร่องรอยให้ได้ ทำการรีสตาร์ทเครื่องลูกใหม่ ทีนี้ใช้งานได้ตามปกติ เฮยๆๆๆ เสียงถอนหายใจอย่างแรงแสดงอาการโล่งอก !! แต่เดี๋ยวก่อน สิ้นสุดเสียงหายใจ เครือข่ายล่มอีก เอาไงดีละทีนี้ เอาละ รีสตาร์ทใหม่ คราวนี้ยังไม่ถอนหายใจ นั่งกอดอกรอดูอาการ ให้เพื่อนพนักงานลองใช้งานก่อน (เมื่อก่อนคอมฯลูกยังไม่เยอะพนักงานมีแค่ 3-4 คน เอง)นั่งดูการใช้งานทุกเครื่อง ไล่ดูทีละคน ปรากฏเครื่องเจ้ากรรม1 เครื่องใช้แล้วค้าง แล้วพาเครื่องอื่นค้างไปด้วย ทีนี้ประจำที่เข้ายึดคืน
พื้นที่จากเพื่อนพนักงาน ไล่เช็คตั้งแต่การเปิดเครื่อง ตรวจสอบไวรัส ลองใช้โปรแกรมอื่น ปกติครับ แต่กลับเข้ามาใช้งานโปรแกรมบัญชี ลองเรียกรายงาน ระหว่างเครื่องกำลังคำนวน ก็หยุดกลางครัน ตามด้วยระบบค้างทั้งหมด (เอาไงดี) หยิบเครื่องวัดสัญญาณสาย LAN ดู เอาแล้วไง สัญญาณวิ่งไม่ครบ 5555 เจอสาเหตุแล้ว ว่าแต่ก่อนหน้าทำไมมันใช้ได้ ไม่เป็นไร เข้าหัวใหม่ดีกว่า เมื่อเข้าหัวเสร็จสองฝั่งวัดสัญญาณอีกที อ้าว อ้าว มันวิ่งไม่ครบอีกแล้ว เฮยๆๆๆๆ ถอนหายใจยาวๆเอาไงดี สรุป เข้าหัวใหม่ไปสองครั้ง สัญญาณวิ่งไม่ครบอยู่ดี เลยตัดสินใจ เป็นไงเป็นกัน จับสายแลนเส้นนั้นมาเอาคีมตัดสายตัดสะเลย ปลอกเปลือกมันออก เจอสาย 8 เส้นข้างใน ตีเกลียวตามปกติ แต่ๆ แต่เดี๋ยวก่อน ปลอกหุ้มที่เป็นสีต่างๆ แตกนี่หว่า เอานิ้วลูบดู นั่นไงปลอกหุ้มสี หลุดมาติดนิ้ว ทองแดงตีเกลียวกันมันส์เลย " สรุปสายทองแดงที่ตีเกลียวกัน ทองแดงชนกันนัว ทำให้สัญญาณช๊อต Network พัง อาจี๊ปขอบอกไว้เลย หายสาย LAN ยี่ห้อดีๆ แพงหน่อย แต่ทนครับ ของถูกใช้ไปสักพักด้วยความร้อยของทองแดง พลาสติกหุ้มทองแดง เสื่อมสภาพกรอบร่อนออกหมดครับ "
อ้าวพิมพ์มาตั้งเยอะนี่เล่าอดีตอยู่หรอนี่ ..ถึงไหนแล้ว อ่อ เข้าโปรแกรมบัญชีไม่ได้ เอาไงดี จะเป็นที่สาย LAN เสีย ทองแดงชนกันก็ไม่น่าใช้ (ลืมบอกไป บ.มีการต่อเติมใหม่ เลยถือโอกาสเดินสาย LAN ใหม่ทั้งหมด เป็น CAT6 ของ AMP แท้สะด้วย) เอ๊ะ อ๊ะ โอ๊ะ อ้าว หรือว่าจะเป็น ..... ก่อนหน้านี้สักสองวันพนักงาน 2 ราย มาแจ้งว่าเข้าเน็ตไม่ได้ปรากฏว่าทั้ง2เครื่องไปเกาะ LAN คนละวงกัน อ้าวแล้วทำไมมันไปเกาะอีกวงละ ทิ้งความงง ก็ปล่อยให้ใช้เน็ตไม่ได้ไปอีก 2 วัน (เป็น Admin ที่ดีมาก5555 ) ด้วยสาเหตุนี้ ก็นึกขึ้นได้ว่า สัก 3 วันที่แล้ว (ย้อนอดีตอีกแล้ว) ไปเซ็ต Access Point ไว้ที่ชั้น 2 ลืมปิด DHCP SERVER อ้าวละไปปิดสะ หายครับ ปิด Job ได้ " สรุป เหตุการณ์ทั้งหมด ลืมปิด การแจก DHCP SERVER " จุ๊จุ๊ อย่าบอกใคร เดี๋ยวเจ้านายไล่ออก
พื้นที่จากเพื่อนพนักงาน ไล่เช็คตั้งแต่การเปิดเครื่อง ตรวจสอบไวรัส ลองใช้โปรแกรมอื่น ปกติครับ แต่กลับเข้ามาใช้งานโปรแกรมบัญชี ลองเรียกรายงาน ระหว่างเครื่องกำลังคำนวน ก็หยุดกลางครัน ตามด้วยระบบค้างทั้งหมด (เอาไงดี) หยิบเครื่องวัดสัญญาณสาย LAN ดู เอาแล้วไง สัญญาณวิ่งไม่ครบ 5555 เจอสาเหตุแล้ว ว่าแต่ก่อนหน้าทำไมมันใช้ได้ ไม่เป็นไร เข้าหัวใหม่ดีกว่า เมื่อเข้าหัวเสร็จสองฝั่งวัดสัญญาณอีกที อ้าว อ้าว มันวิ่งไม่ครบอีกแล้ว เฮยๆๆๆๆ ถอนหายใจยาวๆเอาไงดี สรุป เข้าหัวใหม่ไปสองครั้ง สัญญาณวิ่งไม่ครบอยู่ดี เลยตัดสินใจ เป็นไงเป็นกัน จับสายแลนเส้นนั้นมาเอาคีมตัดสายตัดสะเลย ปลอกเปลือกมันออก เจอสาย 8 เส้นข้างใน ตีเกลียวตามปกติ แต่ๆ แต่เดี๋ยวก่อน ปลอกหุ้มที่เป็นสีต่างๆ แตกนี่หว่า เอานิ้วลูบดู นั่นไงปลอกหุ้มสี หลุดมาติดนิ้ว ทองแดงตีเกลียวกันมันส์เลย " สรุปสายทองแดงที่ตีเกลียวกัน ทองแดงชนกันนัว ทำให้สัญญาณช๊อต Network พัง อาจี๊ปขอบอกไว้เลย หายสาย LAN ยี่ห้อดีๆ แพงหน่อย แต่ทนครับ ของถูกใช้ไปสักพักด้วยความร้อยของทองแดง พลาสติกหุ้มทองแดง เสื่อมสภาพกรอบร่อนออกหมดครับ "
อ้าวพิมพ์มาตั้งเยอะนี่เล่าอดีตอยู่หรอนี่ ..ถึงไหนแล้ว อ่อ เข้าโปรแกรมบัญชีไม่ได้ เอาไงดี จะเป็นที่สาย LAN เสีย ทองแดงชนกันก็ไม่น่าใช้ (ลืมบอกไป บ.มีการต่อเติมใหม่ เลยถือโอกาสเดินสาย LAN ใหม่ทั้งหมด เป็น CAT6 ของ AMP แท้สะด้วย) เอ๊ะ อ๊ะ โอ๊ะ อ้าว หรือว่าจะเป็น ..... ก่อนหน้านี้สักสองวันพนักงาน 2 ราย มาแจ้งว่าเข้าเน็ตไม่ได้ปรากฏว่าทั้ง2เครื่องไปเกาะ LAN คนละวงกัน อ้าวแล้วทำไมมันไปเกาะอีกวงละ ทิ้งความงง ก็ปล่อยให้ใช้เน็ตไม่ได้ไปอีก 2 วัน (เป็น Admin ที่ดีมาก5555 ) ด้วยสาเหตุนี้ ก็นึกขึ้นได้ว่า สัก 3 วันที่แล้ว (ย้อนอดีตอีกแล้ว) ไปเซ็ต Access Point ไว้ที่ชั้น 2 ลืมปิด DHCP SERVER อ้าวละไปปิดสะ หายครับ ปิด Job ได้ " สรุป เหตุการณ์ทั้งหมด ลืมปิด การแจก DHCP SERVER " จุ๊จุ๊ อย่าบอกใคร เดี๋ยวเจ้านายไล่ออก
วันอังคารที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2556
ว่าด้วยการทำงานคอมพิวเตอร์ ความต่างที่เหมือน กับร่างกายมนุษย์
ทราบกันดีว่าคอมพิวเตอร์
เป็นอุปกรณ์อิเล็คทรอนิค ที่มีประโยชน์อย่างสูงในการทำงาน
คอมพิวเตอร์ประกอบไปด้วยชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิคต่างๆ โดยอุปกรณ์เหล่านี้มีอะไรบ้าง
คงจะแจกแจง อธิบายการใช้งานไม่ครบทุกตัว แต่อยากจะให้ทุกท่าน ลองจินตนาการ
คอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง คือ มนุษย์ 1คน ประกอบไปด้วย ส่วนต่างๆ
ของร่างกาย โดยมี แขน ขา ลำตัว หัว หู และสมอง
ประกอบกันเป็นร่างกายคอมพิวเตอร์ก็เช่นกัน
จากภาพจะเป็นชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิคต่างๆที่ทำหน้าที่แตกต่างกันไป
เหมือนการทำงานของอวัยต่างๆของร่างกาย อาจจะกล่าวได้ว่า คอมพิวเตอร์ถูกสร้างขึ้นมาจากการเลียนแบบการทำงานของอวัยวะมนุษย์
ก็ได้
ฮาร์ดดิส เปรียบได้เหมือนสมองส่วนความจำ ของมนุษย์
ที่ถูกเก็บมาตั้งแต่แรกเกิด สามารถดึงมาใช้งานเมื่อใดก็ได้
CPU (หน่วยประมวลผล) เปรียบได้เหมือน
สมองในส่วนการคิดวิเคราะห์ และการตัดสินใจ โดยการนำข้อมูลจาก RAM (ความจำชั่วคราว) มาประมวลผล เพื่อสั่งให้ร่างกาย หรือ อุปกรณ์
ต่างๆทำงานตามระบบ
Ram หรือ(ความจำชั่วคราว) เปรียบได้เหมือน
ความจำ หรือการนึกได้ ณ ขณะที่กำลังทำงาน หรือ คิดในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
โดยการดึงข้อมูลมาจาก ฮาร์ดดิส หรือสมองส่วนความจำ สั่งการให้ร่างกาย หรือโปรแกรม
ให้ทำงานในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ถ้าเราลองสังเกตการใช้งานคอมพิวเตอร์
หากเราเปิดโปรแกรมต่างๆไว้เป็นจำนวนมาก พร้อมกัน
เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นก็จะทำงานช้าลง หรือเกิดอาการเครื่องค้างไปในที่สุด
สมองคนเราก็เช่นกัน หากดึงข้อมูลเรื่องนั้นเรื่องนี้เข้ามาคิดมากมาย ข้อมูลก็จะถูกส่งไปประมวลผล และกลับมาไว้ที่ Ram (ความจำชั่วคราว) อยู่ตลอดเวลา ก็จะทำให้ร่างกายตอบสนองช้า
รู้สึกอ่อนเพลียก็เป็นได้
ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นระบบทางกายภาพ
เพื่อให้ท่านได้เข้าใจหน้าที่การทำงานของตัวอุปกรณ์ แต่สิ่งที่สำคัญ คือข้อมูล
และกระบวนการทางความคิด และ ตัดสินใจ ที่มีอยู่ในมนุษย์ ซึ่งในทางคอมพิวเตอร์
เรียกว่า ซอฟแวร์ (Soft ware)
ซอฟแวร์ คือ ชุดคำสั่งต่างๆ ประกอบไปด้วย
คำสั่งที่ใช้ในการตัดสินใจ การคำนวณ
คำสั่งในการประมวลผลจากข้อมูลที่อยู่ในฐานข้อมูลหรือการรับข้อมูลจากภานอก
ซึ่งอาจจะมีเป็นล้านๆคำสั่ง เพื่อให้คอมพิวเตอร์สั่งการ หรือควบคุมอุปกรณ์
หรือประมวลผลได้อย่างถูกต้อง ตามที่เราต้องการ
ชุดคำสั่งนี้จะถูกเก็บรวบรวมไว้ที่ฮาร์ดดิส
โดยการทำงานของซอฟแวร์ จะทำงานตามคำสั่ง เรียงลำดับความสำคัญก่อนหลัง
กล่าวคือ เป็นการทำงานอย่างเป็นลำดับขั้นตอน จาก A ไป B จาก B ไป C เปรียบเหมือนวิธีคิดหรือวิธีการทำงานของเรา
หากมีแนวคิดปฎิบัติ อย่างเป็นขั้นตอนแล้ว งานที่ออกมาก็จะถูกต้อง
ตามที่บริษัทฯต้องการ
จากภาพคือตัวอย่าง ที่แสดงถึงการทำงานตามลำดับขั้นตอน
ของคอมพิวเตอร์ โดยจะต้องเกิดคำสั่งที่ 1. นำมาเปรียบเทียบกับเงื่อนไข
จึงจะเกิดเป็นคำสั่ง ที่ 2 3 4 ตามลำดับ
คอมพิวเตอร์ เมื่อใช้งานไปได้ระยะหนึ่ง
ผู้ใช้จะมีความรู้สึกว่าช้า เรียกโปรแกรมแต่ละทีแสนนานไม่ทันใจ
เพราะเนื่องจากการเก็บข้อมูลลงไปในฮาร์ดดิส ที่ไม่เป็นระเบียบในตัวฮาร์ดดิสโดยปกติ
จะมีจานกลมๆ คล้ายแผ่น CD เป็นตัวจัดเก็บข้อมูล
สามารถ ลบ หรือเขียนทับได้ข้อมูลจะถูกบันทึกลงไปในจาน ซึ่งจะแบ่งเนื้อที่เป็นห้องๆ
ทางคอมพิวเตอร์จะเรียกว่า SECTOR โดยมีหัวเข็ม
เป็นตัวอ่านข้อมูลและส่งผ่านไปยัง RAM
เครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีการใช้งานหรือลงระบบปฏิบัติการใหม่ข้อมูลจะถูกจัดเรียงต่อกันอย่างเป็นระเบียบ
เมื่อมีการใช้งานข้อมูลหากมีการลบไฟล์ออกจากฮาร์ดดิส Sector ที่เคยมีข้อมูลอยู่
จะเปลี่ยนเป็นห้องว่าง ถ้ามีการบันทึก หรือมีการแก้ไขงานใหม่
ระบบจะทำการบันทึกลงฮาร์ดดิสทันทีโดยจะเริ่มจากพื้นที่ว่างของจานที่หมุนไปเจอหัวเข็ม
โดยไม่สนใจตำแหน่งเดิม ที่มันเคยอยู่
ทำให้ข้อมูลที่บันทึกมีความกระจัดกระจายไม่ต่อเนื่อง โดยใน 1 ไฟล์ ข้อมูล
อาจจะอยู่ห่างกันหลายร้อย Sector ด้วยเหตุนี้เมื่อมีการเรียกใช้งานไฟล์เดิมที่ถูกบันทึกแบบกระจัดกระจาย หัวเข็มก็จะต้องใช้เวลาในการค้นหาข้อมูลจากจานให้ครบก่อนแล้วจึงส่งข้อมูลทั้งหมดไปถึง RAM จึงทำให้เกิดความล่าช้าในการประมวลผล หรือทำกิจกรรมต่างๆได้
จึงได้มีผู้คิดค้น Software เพื่อมาแก้ไขปัญหาเหล่านี้
ซึ่งเรียกกระบวนการนี้โดยรวมว่า การทำ Defragment หรือ
เป็นการจัดเรียงข้อมูลที่มีอยู่ในฮาร์ดดิสให้มีการเรียงที่ต่อเนื่องกันโดยจัดให้ Sector ที่มีข้อมูลเรียงกัน และ ตามด้วยSector ที่ไม่มีข้อมูล เพื่อที่ทำให้หัวเข็ม ค้นหาข้อมูลได้รวดเร็วขึ้น
การที่ยกตัวอย่างเปรียบเทียบการทำงานระหว่างร่างกายมนุษย์กับคอมพิวเตอร์ข้างต้นโดยมุ่งเน้นในส่วนของการประมวลผลการจดจำ การวิเคราะห์ เพื่อให้ทุกท่านมองเห็นภาพการทำงานของคอมพิวเตอร์ เพื่อนำมาประยุกใช้กับการทำงานของเรา โดยจากเดิมผู้คิดค้นระบบคอมพิวเตอร์ ได้เลียนแบบกระบวนการคิด วิเคราะห์แบบมีขั้นตอนตามลำดับจากมนุษย์ แต่มาวันนี้เราอาจจะต้องรู้จักการเรียนรู้ กระบวนการทำงานของคอมพิวเตอร์ เพื่อมาปรับใช้กับการทำงานของเรา โดยสรุปแล้ว การทำงานจะมีความถูกต้องนั้น ก็ขึ้นอยู่กับกระบวนการทางความคิด การทำงานอย่างมีขั้นตอน และที่สำคัญที่สุดคือ สมาธิ
สมาธิ เป็นการจัดเรียงลำดับข้อมูลในสมองให้เป็นระเบียบเรียบร้อย สามารถนำข้อมูลมาใช้งานได้ทันที จะสังเกตุได้จาก เมื่อเราต้องการใช้ความคิด การอยู่ในที่ที่เสียงดัง คนพลุกพล่าน ทำให้เราวอกแวกไปคิดถึงเหตุการณ์รอบตัวเรา จึงทำให้เราขาดสมาธิในการคิดเรื่องนั้นๆไป กลับกัน หากจิตใจสงบลง ไม่หวั่นไหวกับสิ่งรอบข้าง ความคิดเรื่องนั้นๆ ก็จะแสดงออกมาได้โดยง่าย
มี SoftWare ตัวไหนบ้าง? ที่ทำให้เราสามารถเรียงข้อมูลในสมอง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1. ฝึกกระบวนการคิดแบบมีขั้นตอน
2. นอนพักผ่อนเยอะๆ
3. การทำสมาธิ
// สรุปได้ว่า การทำงานอย่างมีขั้นตอน ตามลำกับก่อนหลัง
อีกทั้งการมีสมาธิในขณะทำงาน จะทำให้เราทำงานได้อย่างถูกต้อง ลดการผิดพลาดของงาน
ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อเราได้ทราบถึงกระบวนการทำงานของคอมพิวเตอร์
แล้วเราก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการทำงานของเราได้
ฮาร์ดดิส เปรียบได้เหมือนสมองส่วนความจำ ของมนุษย์ ที่ถูกเก็บมาตั้งแต่แรกเกิด สามารถดึงมาใช้งานเมื่อใดก็ได้
Ram หรือ(ความจำชั่วคราว) เปรียบได้เหมือน ความจำ หรือการนึกได้ ณ ขณะที่กำลังทำงาน หรือ คิดในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยการดึงข้อมูลมาจาก ฮาร์ดดิส หรือสมองส่วนความจำ สั่งการให้ร่างกาย หรือโปรแกรม ให้ทำงานในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ถ้าเราลองสังเกตการใช้งานคอมพิวเตอร์ หากเราเปิดโปรแกรมต่างๆไว้เป็นจำนวนมาก พร้อมกัน เครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นก็จะทำงานช้าลง หรือเกิดอาการเครื่องค้างไปในที่สุด สมองคนเราก็เช่นกัน หากดึงข้อมูลเรื่องนั้นเรื่องนี้เข้ามาคิดมากมาย ข้อมูลก็จะถูกส่งไปประมวลผล และกลับมาไว้ที่ Ram (ความจำชั่วคราว) อยู่ตลอดเวลา ก็จะทำให้ร่างกายตอบสนองช้า รู้สึกอ่อนเพลียก็เป็นได้
ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นระบบทางกายภาพ เพื่อให้ท่านได้เข้าใจหน้าที่การทำงานของตัวอุปกรณ์ แต่สิ่งที่สำคัญ คือข้อมูล และกระบวนการทางความคิด และ ตัดสินใจ ที่มีอยู่ในมนุษย์ ซึ่งในทางคอมพิวเตอร์ เรียกว่า ซอฟแวร์ (Soft ware)
ซอฟแวร์ คือ ชุดคำสั่งต่างๆ ประกอบไปด้วย คำสั่งที่ใช้ในการตัดสินใจ การคำนวณ คำสั่งในการประมวลผลจากข้อมูลที่อยู่ในฐานข้อมูลหรือการรับข้อมูลจากภานอก ซึ่งอาจจะมีเป็นล้านๆคำสั่ง เพื่อให้คอมพิวเตอร์สั่งการ หรือควบคุมอุปกรณ์ หรือประมวลผลได้อย่างถูกต้อง ตามที่เราต้องการ ชุดคำสั่งนี้จะถูกเก็บรวบรวมไว้ที่ฮาร์ดดิส
โดยการทำงานของซอฟแวร์ จะทำงานตามคำสั่ง เรียงลำดับความสำคัญก่อนหลัง กล่าวคือ เป็นการทำงานอย่างเป็นลำดับขั้นตอน จาก A ไป B จาก B ไป C เปรียบเหมือนวิธีคิดหรือวิธีการทำงานของเรา หากมีแนวคิดปฎิบัติ อย่างเป็นขั้นตอนแล้ว งานที่ออกมาก็จะถูกต้อง ตามที่บริษัทฯต้องการ
จึงได้มีผู้คิดค้น Software เพื่อมาแก้ไขปัญหาเหล่านี้ ซึ่งเรียกกระบวนการนี้โดยรวมว่า การทำ Defragment หรือ เป็นการจัดเรียงข้อมูลที่มีอยู่ในฮาร์ดดิสให้มีการเรียงที่ต่อเนื่องกันโดยจัดให้ Sector ที่มีข้อมูลเรียงกัน และ ตามด้วยSector ที่ไม่มีข้อมูล เพื่อที่ทำให้หัวเข็ม ค้นหาข้อมูลได้รวดเร็วขึ้น
มี SoftWare ตัวไหนบ้าง? ที่ทำให้เราสามารถเรียงข้อมูลในสมอง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1. ฝึกกระบวนการคิดแบบมีขั้นตอน
2. นอนพักผ่อนเยอะๆ
3. การทำสมาธิ
// สรุปได้ว่า การทำงานอย่างมีขั้นตอน ตามลำกับก่อนหลัง อีกทั้งการมีสมาธิในขณะทำงาน จะทำให้เราทำงานได้อย่างถูกต้อง ลดการผิดพลาดของงาน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อเราได้ทราบถึงกระบวนการทำงานของคอมพิวเตอร์ แล้วเราก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการทำงานของเราได้
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)